หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2554

คุณรู้ไหมว่า ในโลกนี้มีรายได้อยู่ 2 ประเภท!!!

หลายคนคงสงสัยว่ามันคืออะไรกันแน่ รายได้ 2 ประเภทที่ว่า บางคนก็บอกว่า ก็เงินเดือน กับโบนัสไงล่ะ แต่บางคนก็ว่า รายได้จากงานประจำ แล้วก็รายได้จากงานอิสระไง แต่ละคนก็มีหลากหลายความคิดกันไป เอางี้ละกัน เดี๋ยวแยมจะบอกให้....รายได้ที่ว่า มี 2 ประเภท มันก็คือ
1.active income คือ รายได้ประเภทนี้จะมาจากการที่เราเอาตัวเราเองออกไปหาเงิน โดยใช้แรงกายและเวลาของเรา เป็นรายได้ส่วนใหญ่ของคนในทุกประเทศ รายได้พวกนี้ก้มาจาก งานประจำ งานรับจ้างต่างๆ เจ้าของกิจการขนาดล็ก เจ้าของร้านต่างๆ  เป็นต้น
2.passive income คือ รายได้ประเภทนี้จะมาจากการที่เราเอาเงินไปลงทุน เพื่อให้ได้รับเงินกลับมา หรือ ที่หลายๆคน เรียกกันว่า “เอาเงินไปต่อเงิน” นั่นเอง งานประเภทนี้มักจะเป็นงานส่วนน้อยที่คนมักไม่ค่อยนึกถึงกัน  รายได้พวกนี้มาจาก  ดอกเบี้ยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ดอกเบี้ยจากธนาคาร หรือ จากการลงทุนในพันธบัตร หรือ สลากออมสินต่างๆ รายได้จากค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ รายได้จากการเป็นหุ้นส่วนของกิจการขนาดใหญ่ จากลิขสิทธิ์ทางปัญญา เช่น Microsoft ,KFC, Mcdonald, 7-eleven หรือแม้แต่  Facebook,google,twitter  เป็นต้น
หลายคนพออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ก็จะบอกว่า รายได้แบบ passive income มันต้องใช้เงินลงทุนสูง ไม่ใช่ว่าใครๆก็จะทำได้ ซึ่งความจริงแล้วมันก็ถูกต้อง ดังนั้นคนที่จะมีรายได้แบบนี้จึงจำกัดอยู่เฉพาะแค่ในวงคนรวยเท่านั้น
แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันมีงานอีกประเภทหนึ่งที่คนเรารู้จัก แต่มักจะเมินเฉย ไม่สนใจ แต่มันสามารถทำให้ทุกคนไม่ว่าจะรวย หรือ จน ก็สามารถเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ได้ โดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนที่สูง นั่นคือ งานเครือข่ายนั่นเอง
แยมคิดว่าหลายคนคงรู้จักงานประเภทนี้ แต่จะมีซักกี่คนที่รู้จักงานประเภทนี้เป็นอย่างดี...
ไว้คราวหน้าแยมจะมาเล่าให้ฟังว่างานเครือข่ายจริงๆแล้วมันเป็นยังไงกันแน่ จะเป็นเหมือนอย่างที่หลายๆคนคิดหรือเปล่า หรือว่าแตกต่างจากที่หลายๆคนเจอมา... ไว้เจอกันคราวหน้านะคะ...

วันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2554

แฉ!!! ความจริงในวงการเครือข่าย-ธุรกิจเครือข่าย หรือคนที่ทำธุรกิจเครือข่าย ใครกันแน่ที่หลอกลวง !!!

ในปัจจุบัน เราจะเห็นว่ามีบริษัทที่ธุรกิจเกี่ยวกับเครือข่ายเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบริษัทของคนไทย หรือของต่างประเทศ ซึ่งผู้ที่เข้าร่วมกับบริษัทเครือข่ายเหล่านี้ ต่างก็พยายามประชาสัมพันธ์ว่า ธุรกิจเครือข่ายของตน เป็น ธุรกิจเครือข่ายที่ดีที่สุด  ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของการทำธุรกิจอยู่แล้ว..
จากข้อมูลนี้กำลังบ่งบอกว่า ธุรกิจเครือข่าย เป็นธุรกิจที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงจากผู้คนทั่วโลก และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ..
และเมื่อมันกำลังอยู่ในกระแส ก็มักจะ มีคนมาโพสต์ บ่น (ด่า) กันตามเว็บบอร์ดต่างๆ เกี่ยวกับ การหลอกลวง ของธุรกิจเครือข่ายค่ายโน้น ค่ายนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัทไหนกำลังมีชื่อเสียงโด่งดัง ก็จะมีข่าวลือ เสียๆหายๆ ออกมาเป็นระยะๆ  อย่างเช่น  herbalife หลอก   usana หลอก   unicity หลอก   aimstar หลอก   aim star หลอกลวง   agel หลอก  เป็นต้น..
ไม่ว่าข่าวลือต่างๆเหล่านี้ จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ อันนี้ก็คงจะต้องใช้วิจารณญาณกันซักนิด  เพราะหากเราพิจารณากันดีๆแล้ว ก็จะพบว่า ธุรกิจเครือข่ายเหล่านี้ ล้วนเป็นบริษัที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องกับ สคบ. อีกทั้ง ผลิตภัณฑ์ของบริษัทเหล่านี้ ก็มีคุณภาพสูงและผ่านการรับรองจาก อย. เป็นที่เรียบร้อยแล้วทั้งนั้น
ดังนั้น ข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องของ การหลอกลวง จึงไม่ได้เกิดจากตัวบริษัท แต่น่าจะเกิดจากสาเหตุหลักๆ ดังนี้
1. มีนักธุรกิจเครืข่ายบางคน (หัวใส) ใช้อุบาย ชักชวนผู้คนเข้ามาร่วมทำธุรกิจด้วยวิธีการ ชวนเชื่อ หรือ สัญญาว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนต่างๆนาๆ เช่น
... มาทำธุรกิจเครือข่ายกับผมสิ แค่สมัครเฉยๆ ไม่ต้องทำอะไรเลย เดือนเดียวก็ได้ทุนคืนแล้ว
... มาทำธุรกิจเครือข่ายกับผมสิ ทำแค่ 3 เดือน ก็มีรายได้หลักแสนบาท/เดือนแล้ว
... มาทำธุรกิจเครือข่ายกับผมสิ แค่สมัครไว้ เดี๋ยวจะ หาดาวน์ไลน์ มาต่อสายงานให้อัตโนมัติ
...มาสมัครทำธุรกิจเครือข่ายด้วยกันสิไม่ต้องไปชวนคนหรอกเดี๋ยวอัพไลน์เค้า ก็ โยนคนลงมาช่วยเอง
...มาสมัครทำธุรกิจเครือข่ายด้วยกันสิแค่หาคนมาต่อๆกันให้ได้เยอะ แค่นี้ ก็ สบายไปทั้งชาติแล้วทำข้างเดียวก็พอ
เมื่อชวนคนเข้ามาร่วมธุรกิจได้แล้ว ก็ปล่อย ลอยแพ ทำให้คนที่ถูกชักชวนเข้ามา รู้สึกโกรธแค้น แล้วหันมากล่าวโทษว่า ธุรกิจเครือข่ายหลอก ให้สมัครแล้วก็ทิ้งขว้าง ไม่สนใจดูแล..
2. นักธุรกิจเครือข่ายจำนวนไม่น้อย ยังคงทำธุรกิจเครือข่ายด้วยวิธีการแบบเดิมๆ (ออฟไลน์) เช่น ลิสต์รายชื่อ ท่องสคริปต์  โทรนัดหมาย พาเข้างาน ฯลฯ  ซึ่งคนที่ใช้วิธีการทำงานแบบนี้  ส่วนใหญ่มักจะต้องพบเจอกับ คำปฏิเสธ การเบี้ยวนัด ไม่รับโทรศัพท์ บางคนถึงกับ เสียเพื่อน เสียญาติ ไปเลยก็มี  ซึ่งวิธีการแบบนี้ คนที่ไม่อึด ไม่ถึก จริงๆจะไม่สามารถทนได้ และมักจะล้มเลิกไปในที่สุด..
เมื่อทำธุรกิจด้วยวิธีการแบบนี้ แล้วไม่ประสบความสำเร็จ ก็เลยหันมาตำหนิว่า ธุรกิจเครือข่ายหลอก สอนให้ทำธุรกิจด้วยวิธีที่ไม่ได้ผล !
แต่ในความจริงแล้ว ธุรกิจเครือข่ายทุกๆบริษัท ต่างก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป เพียงแต่ว่า วิธีการทำธุรกิจของนักธุรกิจแต่ละค่ายนั้น เป็นเรื่องเฉพาะของแต่ละคน ซึ่งไม่เหมือนกัน ดังนั้น ก่อนเข้าร่วมธุรกิจเครือข่ายกับทีมไหน คุณอาจต้องดูว่า ทีมเหล่านั้น เค้ามีวิธีการทำธุรกิจอย่างไร (ออนไลน์ หรือ ออฟไลน์) แล้วตัวคุณเอง ถนัดหรือชอบวิธีการทำธุรกิจแบบนั้นหรือไม่ นั่นเอง
วันนี้แยมก็เล่าซะยาวอีกแล้ว หลายคนคงเบื่อแย่เลย แต่มันก็เป็นสิ่งที่ดี ที่แยมอยากจะแบ่งปัน....ยังไงคอยติดตามนะคะ ว่าแยมจะมีข้อมูลดีๆอไรมาบอกเล่าอีก...ไว้พบกันใหม่นะคะ...

วันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2554

หลากหลายคำถามเกี่ยวกับธุรกิจเครือข่าย MLM ที่คุณอยากรู้!!!!

MLM คืออะไร ?
MLM (Multilevel Marketing) คือการขยายเครือข่ายผู้บริโภค โดยมุ่งเน้นการคืนกำไรสู่ผู้บริโภค ผ่านแผนการตลาดที่วิเคราะห์โดยนักการตลาดมืออาชีพ โดยให้เราเปลี่ยนจากการเป็นผู้บริโภคธรรมดา มาเป็นได้ถึง 3 สถานภาพ คือเป็นทั้งลูกค้า ผู้ขาย และ ผู้บริหาร ในคนเดียวกัน จึงไม่ใช่เรื่องประหลาดอะไร ที่ ผู้ทำ MLM ไม่ได้ขายสินค้าเอง แต่มีรายได้เป็นแสน เป็นล้านบาท เพราะเขาได้ทำการบริหารองค์กร เขาจึงมีรายได้จากการบริหารจำนวนมากต่อเดือนMLM เป็นระบบการตลาดที่ให้โอกาสในการประสบความสำเร็จแก่ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่สำคัญว่าจะเป็นใคร และใครเข้ามาก่อนหรือใครเข้ามาที่หลัง เป็นการเปิดโอกาสให้คุณสามารถทำธุรกิจได้โดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนมหาศาลอย่างธุรกิจอื่นๆ ลองศึกษาแผนการตลาดให้ดี จะได้ไม่ต้องเสียโอกาสดี ๆ ถ้าบริษัทดี แผนการตลาดดีตรงใจคุณ ทีนี้ก็เหลืออยู่แต่ว่าตัวคุณเองนั่นแหละว่า คุณพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงหรือยัง?
MLM ทำงานอย่างไร ?
การทำงานในระบบ MLM ก็คือ การสร้างเครือข่ายและการวางแผนที่ดี เป็นการผสมการขายตรงและการสร้างเครือข่ายขึ้นมาต่อยอด ซึ่งเราต้องหาผู้ร่วมอุดมการณ์มาต่อยอดและสานต่องานของเรา และเขาก็ต้องหาผู้ร่วมอุดมการณ์มาต่อยอด ต่อๆกันไป โดยที่คนเป็น Upline จะได้ค่าสอนงานหรือค่าลิขสิทธ์เป็นรายได้ จากการที่ Downline ของเขาทำงานได้และมีรายได้การทำงานของ MLM ในอุดมคติ คือการที่เราไม่ต้องวิ่งหา Downline หรือลูกค้า เพื่อสร้างเครือข่าย และไม่ต้องโทรศัพท์หรือเรียกร้องคนที่ไม่สนใจมาร่วมงานหรือซื้อสินค้า ซึ่งมันกำลังจะเป็นไปได้ในเร็ววันนี้!
ทำไมคนส่วนมากถึงเกลียด MLM?
มีหลายเหตุผลที่ทำให้คนไม่ชอบ MLM
ประสบความล้มเหลวจากการลงทุนในธุรกิจเครือข่าย
  - การโดนหลอกให้ไปลงทุนโดยที่ยังไม่ทราบข้อเท็จจริง
  - การโดนสอนงานในวิธีผิดๆสืบต่อกันมา
ต้องปฎิเสธสิ่งที่ไม่ต้องการนับร้อยนับพันครั้งจากการโดนตื้อ
  - การโดนชวนไปร่วมธุรกิจ
  - การโดนยัดเยียดให้ซื้อสินค้าโดยที่เขาไม่จำเป็นต้องใช้
ความมั่นคงของงาน MLM ละ?
ความมั่นคงของ MLM ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการลงทุนด้วยเงินจำนวนมาก แต่ขึ้นอยู่กับ
การวางแผนของคุณและทีมงาน ในเรื่อง
 - การตั้งเป้าหมาย
 - การขจัดปัญหาและอุปสรรคต่างๆ
ไม่มีใครมาไล่คุณออกได้ ยกเว้นคุณทำผิดกฎหมายหรือกฎของบริษัทที่คุณเป็นตัวแทน
 - ถ้าท่านทำงานประจำ แล้วบริษัทต้องการลดตำแหน่งลง แน่นอนท่านจะไม่มีงานทำ
เป็นมรดกให้แก่ลูกหลานหรือภรรยาได้หากท่านถึงแก่กรรม
 - ถ้าท่านทำงานประจำ แล้วถึงแก่ชีวิต แน่นอนว่าครอบครัวท่านจะลำบาก 
รายได้ของการทำ MLM ละ?
รายได้ของ MLM เหมือนกับบริษัททั่วไปคือขึ้นอยู่กับ แผนงาน การบริหารองค์กร และการตลาด
ขึ้นอยู่กับสินค้าที่คุณจัดจำหน่าย
ขึ้นอยู่กับผลตอบแทนที่บริษัทผู้ผลิตเป็นผู้กำหนดมาให้
ขึ้นอยู่กับคุณเข้าใจในธุรกิจเครือข่ายมากขนาดไหน
ทำไมถึงเห็นคนทำ MLM แล้วล้มเหลวกันมากมาย?
เหตุที่ทำให้คนล้มเหลวไม่ใช่สินค้า บริษัท หรือระบบ MLM แต่มันคือ
ระบบการสอนที่สอนกันมาที่ผิดๆ
ขาดความรอบคอบในการลงทุน
 
- ลงเงินซื้อสินค้าเพื่ออัพเกรดตำแหน่ง โดยไม่รู้ว่าต้องทำอะไรต่อ?
  - จัดการบริหารเงินไม่เป็น รู้แค่ว่าจ่าย แต่ไม่รู้ว่าจะเอาเงินคืนมาจากไหน?

ไม่รู้ว่าต้องทำอะไร
  - เข้าไปนั่งฟังเป้าหมายในชีวิตและความฝัน แต่ไม่รู้ว่าต้องทำงานยังไงเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้
  - โดนกดดันให้ซื้อตำแหน่งจาก Upline
  - รู้แค่คำว่า "คุณต้องทำได้" แต่ไม่รู้ว่าต้องทำอะไร? ทำยังไง?
ธุรกิจ MLM นี้จะอิ่มตัวไหม?
ตราบใดที่ประชากรโลกยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ MLM ไม่มีวันอิ่มตัวซ้ำยังจะเจริญมากยิ่งขึ้นอีก
ยากที่จะอิ่มตัวในเรื่องตำแหน่ง
  - เทียบกับงานประจำที่มีตำแหน่งว่างเพียง 1 - 2 ตำแหน่งแล้ว
  - เทียบกับงานฟรีแลนซ์ที่ต้องแย่งประมูล
ยากที่จะอิ่มตัวในเรื่องลูกค้า
  - ยังมีคนอีกมากที่ยังไม่รู้จัก เพราะการเสนอสินค้าเป็นแบบปิด
  - ยังมีประชากรเพิ่มขึ้นตลอด
และแนวโน้มการเจริญเติบโตทางเศษฐกิจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
วันนี้แยมก็พูดมามากแล้วเกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วก็คิดว่าหลายคนที่สงสัยก็คงได้รับความกระจ่างแล้ว ไว้คราวหน้าแยมจะหาเนื้อหาดีๆมาบอกเล่าอีก...ไว้พบกันใหม่นะคะ...